การสร้างบ้านที่ดี ต้องตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกทุกคนในบ้าน และต้องคำนึงถึงความสะดวกสบาย รวมถึงความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยอีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อบ้านนั้นมีผู้สูงอายุ เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว การออกแบบบ้าน จึงควรใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อให้เหมาะสมกับข้อจำกัดทางสุขภาพ และการเคลื่อนไหวของผู้สูงอายุ
ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน สำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ คุณควรให้ความสำคัญกับรายละเอียด และฟังก์ชันการใช้งานภายในบ้านเป็นพิเศษ เพื่อลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ และเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน ในบทความนี้ Royal House จะพามาดูว่าการออกแบบบ้าน เพื่อผู้สูงอายุควรเป็นอย่างไร พร้อมแชร์เทคนิคการเลือกวัสดุ เพื่อให้ได้แบบบ้านผู้สูงอายุที่เหมาะสม และปลอดภัยมากที่สุด
ปัจจัยอะไรที่ควรคำนึงถึง เมื่อออกแบบบ้านสำหรับผู้สูงอายุ
การออกแบบบ้านสำหรับผู้สูงอายุ ควรคำนึงถึงปัจจัยสำคัญหลายอย่าง เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกปลอดภัย และสะดวกสบายมากที่สุด ดังต่อไปนี้
ทางลาด และทางเดิน
แบบบ้านที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ควรมีทางลาดไว้ใช้ขึ้น และลงแทนบันได เพื่ออำนวยความสะดวก โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องนั่งรถเข็น ซึ่งทางลาดต้องกว้างไม่ต่ำกว่า 90 เซนติเมตร และมีอัตราความลาดชันไม่น้อยกว่า 1:12 ตัวอย่างเช่น ถ้าพื้นสูง 1 เมตร ทางลาดต้องยาว 12 เมตร และควรติดตั้งราวจับที่มีความสูง 80-90 เซนติเมตร เพื่อเป็นตัวช่วยให้กับผู้สูงอายุในการขึ้นลง และเพื่อป้องกันรถเข็นลื่นไหลออกจากพื้นที่ทางลาด
ประตู และหน้าต่างเปิด-ปิดง่าย
การออกแบบประตู และหน้าต่าง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการสร้างบ้านสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต โดยประตูควรมีความกว้างไม่น้อยกว่า 90 เซนติเมตร เพื่อให้การเข้าออกบ้านเป็นไปอย่างสะดวก
นอกจากนี้ ควรเลี่ยงการมีธรณีประตู เพราะอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุสะดุดล้มได้ และระยะของมือจับประตู ควรอยู่สูงจากพื้นประมาณ 100 เซนติเมตร เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ได้อย่างสะดวก
การจัดแต่งพื้นที่แห่งการพักผ่อน
ในการเลือกใช้กระเบื้อง ควรเลือกวัสดุที่มีผิวสัมผัสไม่ลื่น และไม่เย็นเท้า ส่วนที่ที่มีพื้นที่ใช้สอยที่ต่างกัน ก็ควรใช้สีสันให้ตัดกัน เช่น พื้น ผนัง รวมถึงบัวเชิงผนัง เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ในส่วนของการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ ควรวางในตำแหน่งที่เหมาะสม และเป็นระเบียบ เพื่อสร้างบรรยากาศให้ออกมาผ่อนคลายมากที่สุด
ทำห้องครัว และห้องอาหารให้เข้าถึงง่าย
เพื่อความสะดวกในการใช้งานของผู้สูงอายุ การเข้าถึงห้องครัว หรือห้องอาหารควรเป็นไปอย่างสะดวกสบาย โดยโต๊ะและเคาน์เตอร์ในห้องครัว ควรออกแบบให้มีข้างใต้เปิดโล่ง มีความสูงจากพื้นประมาณ 60-80 เซนติเมตร และความลึกไม่ต่ำกว่า 40 เซนติเมตร เพื่อให้ผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็นสามารถใช้งานได้โดยไม่มีอุปสรรค
การออกแบบห้องนอน
ห้องนอน ควรออกแบบให้มีห้องน้ำในตัว หรืออยู่ใกล้ห้องน้ำมากที่สุด เพื่อความสะดวกในการใช้งาน โดยเฉพาะในเวลากลางคืน นอกจากนี้ เตียงควรมีความสูงจากพื้นประมาณ 40-50 เซนติเมตร เพื่อให้ง่ายต่อการขึ้น และลงจากเตียง อีกทั้งควรติดตั้งไฟที่หัวเตียง เพื่อความสะดวกในการเดินเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนเช่นกัน
ในบริเวณพื้นที่ว่างรอบเตียงทั้งสามด้าน ควรมีความกว้างไม่น้อยกว่า 90 เซนติเมตร เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ รวมถึงโต๊ะเครื่องแป้ง ควรมีพื้นที่โล่งใต้โต๊ะสูงประมาณ 60 เซนติเมตร เพื่อให้ผู้สูงอายุที่นั่งรถเข็นสามารถใช้งานได้สะดวก ส่วนตู้เสื้อผ้าควรมีความสูงที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถหยิบจับสิ่งของได้ง่าย และปลอดภัย
ห้องน้ำต้องปลอดภัย
ห้องน้ำที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ควรคำนึงถึงเรื่องของความปลอดภัย และความง่ายต่อการใช้งาน ดังนั้น ห้องน้ำควรมีความกว้างของพื้นที่ว่างไม่น้อยกว่า 150-200 เซนติเมตร เพื่อให้ใช้รถเข็นได้อย่างสะดวก รวมไปถึงการเลือกสุขภัณฑ์ จะต้องมีความเหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ โดยมีความสูงใกล้เคียงกับรถเข็น พร้อมติดตั้งราวจับ และเก้าอี้นั่งสำหรับอาบน้ำ
นอกจากนี้ พื้นห้องน้ำต้องมีระดับเดียวกันทั้งหมด และก๊อกน้ำควรเลือกแบบปัดไปด้านข้าง จะได้ไม่ต้องออกแรงในการเปิด-ปิด มากไปกว่านั้น อีกทั้งกระจกในห้องน้ำ ควรใช้แบบปรับมุมได้ ซึ่งจะทำให้ผู้สูงอายุมองเห็นช่วงล่างโดยไม่ต้องยืน
รวมไปถึงอ่างล้างหน้าที่ควรมีส่วนโค้งเว้า เพื่อให้ผู้ใช้รถเข็นสามารถสอดขาเข้าไปได้ ทั้งนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ “สัญญาณฉุกเฉิน” เพื่อให้คนภายนอกรับรู้ถึงความผิดปกติ และเข้ามาช่วยเหลือได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น
การออกแบบพื้นที่สวน
การเพิ่มพื้นที่สีเขียว และสวนเล็ก ๆ ภายในบ้านสามารถสร้างความสดชื่น และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ สำหรับผู้สูงอายุได้อย่างดี นอกจากนี้ การมีพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ ยังช่วยให้ผู้สูงอายุได้ทำกิจกรรม เพื่อเพลิดเพลิน และคลายเหงาอีกด้วย ในการตกแต่งสวน ควรเลือกใช้วัสดุที่มีสีโทนร้อน เช่น อิฐแดง อิฐมอญโบราณ หรืออิฐปูพื้น เนื่องจาก สีโทนร้อนจะช่วยสร้างความคมชัด และดีต่อผู้สูงอายุที่อาจมีปัญหาทางสายตา
อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการใช้วัสดุที่มีสีอ่อน เช่น สีฟ้า สีเทา หรือสีเหลือง เพราะสีเหล่านี้อาจทำให้ผู้สูงอายุที่มีสายตาพร่ามัว และมองเห็นไม่ชัดเจน ซึ่งส่งผลต่อความปลอดภัยในการใช้งานพื้นที่สวน
เทคนิคการเลือกวัสดุสำหรับบ้านที่มีผู้สูงอายุ จากบริษัทรับสร้างบ้าน
การออกแบบบ้านสำหรับผู้สูงอายุ นอกจากจะต้องให้ความสำคัญในส่วนของตัวบ้านแล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย คือการเลือกวัสดุที่จะนำมาใช้ ซึ่งบริษัทรับสร้างบ้านที่มีประสบการณ์ จะให้ความสำคัญกับการเลือกวัสดุที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย สะดวกสบาย และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย โดยมีเทคนิคการเลือกวัสดุที่สำคัญ ดังนี้
1. เลือกพื้นกระเบื้อง หรือพื้นไม้ที่มีความฝืด
เพื่อความปลอดภัยในการเดินภายในบ้านของผู้สูงอายุ การเลือกพื้นควรคำนึงถึงความฝืดเป็นหลัก โดยมีแนวทางดังนี้
- กระเบื้องกันลื่น: ควรเลือกใช้กระเบื้องที่มีคุณสมบัติกันลื่น เพื่อลดความเสี่ยงในการลื่นล้ม ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ
- พื้นไม้ที่ไม่มันวาว: สำหรับพื้นไม้ ควรหลีกเลี่ยงการขัดให้มีความมันวาว เนื่องจาก พื้นผิวที่มันอาจทำให้ลื่นง่าย ควรเลือกใช้พื้นไม้ที่มีความฝืด ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินได้มากขึ้น
- การใช้พรม: พรมอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุเดินสะดุดได้ หากต้องการใช้พรม ควรติดขอบ และมุมให้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้พรมยก หรือนูนขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเดินสะดุดได้
2. โต๊ะสำหรับผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็น
สำหรับบ้านที่มีผู้สูงอายุ โต๊ะและอุปกรณ์ต่าง ๆ ควรเอื้ออำนวยต่อการใช้งาน โดยความสูงของโต๊ะสำหรับผู้ใช้รถเข็นนั้น ควรลดระดับลงมาจากความสูงของโต๊ะปกติเล็กน้อย และหน้าโต๊ะควรสูงประมาณ 75 เซนติเมตร
นอกจากนี้ พื้นที่ใต้โต๊ะควรมีความสูงไม่น้อยกว่า 60 เซนติเมตร มีความลึกมากกว่า 40 เซนติเมตร และที่สำคัญ คือ ไม่ควรมีลิ้นชัก เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถเข็นรถเข้าไปใช้งานได้สะดวก
3. ติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
ควรมีการติดตั้งสัญญาณเตือนภัยไว้บริเวณห้องนอน หัวเตียง ในห้องน้ำ หรือแม้กระทั่งห้องนั่งเล่น และเชื่อมต่อไปยังกริ่งส่งเสียงเตือน ที่ติดตั้งในทุก ๆ จุดของบ้าน เพื่อให้คนในบ้านสามารถได้ยินเสียงกริ่ง เมื่อมีการขอความช่วยเหลือ รวมถึงติดเครื่องตรวจจับไฟไหม้ หรือจับควันไฟ เพราะผู้สูงอายุมีความคล่องตัวน้อย หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน จะได้เข้าไปช่วยเหลือได้ทันการณ์
4. ความสม่ำเสมอของแสงสว่าง
ภายในบ้านควรมีแสงสว่างที่สม่ำเสมอ โดยต้องมีแสงสว่างตามห้อง และจุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ระหว่างห้อง ระหว่างภายใน และภายนอกบ้าน ควรมีการให้ความสว่างที่ใกล้เคียงกัน และค่อย ๆ ปรับความสว่าง เพื่อให้ผู้สูงอายุใช้งานได้อย่างปลอดภัย รวมถึงเดินไปไหนได้สะดวกในช่วงเวลากลางคืน
5. ควรติดตั้งราวจับตามจุดต่าง ๆ
ควรติดตั้งราวจับในระดับ 80-90 เซนติเมตร ตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงโถส้วม หรือจุดอาบน้ำ โดยตัวราวจับ และสกรูที่ยึดติดผนัง ต้องสามารถรับน้ำหนักเมื่อเหนี่ยวตัวลุกยืนได้เช่นกัน
สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาบริษัทรับสร้างบ้านผู้สูงอายุ ที่มีความรอบคอบ และใส่ใจทั้งรายละเอียด ขอให้นึกถึง Royal House เราพร้อมให้คำปรึกษา และสร้างบ้านด้วยทีมงานมืออาชีพ ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ไม่ว่าจะเป็น วิศวกร สถาปนิก มัณฑนากร และบุคลากรด้านการก่อสร้าง เป็นต้น หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่ Line: @royalhouse