รับสร้างบ้านคุณภาพ ขอพาคุณเจ้าของบ้านทุกท่าน มาเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเซ็นรับบ้าน กับ Checklist ตรวจรับบ้านด้วยตัวเอง ซึ่งเราเชื่อว่า หลายคนอาจจะตัดสินใจจ้างบริษัทมาคอยตรวจรับบ้านให้ แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่ม ทำให้ในวันนี้ Royal House จึงได้รวบรวมเอาเช็กลิสต์สำหรับตรวจรับบ้านมาให้เจ้าของบ้านทุกท่านได้รู้กัน
ใครอยากมีบ้านในฝัน ที่มีรายละเอียดการตกแต่งที่สวยงาม และการก่อสร้างที่แข็งแรง ได้มาตรฐาน ต้องรีบไปติดตามกันต่อ!
ความสำคัญของการตรวจรับบ้าน
การตรวจรับบ้าน เป็นขั้นตอนที่สำคัญก่อนการเซ็นรับมอบบ้าน โดยเจ้าของบ้านจะเป็นผู้เข้าไปตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ภายในบ้าน ว่ามีจุดใดผิดไปจากที่ตกลงกันไว้หรือไม่ มีข้อผิดพลาด หรือมีการชำรุดเสียหายอย่างไร หลังจากนั้นบริษัทรับสร้างบ้านที่คุณจ้างจะต้องเข้ามาแก้ไข และซ่อมแซมในส่วนนี้ให้กับคุณ ซึ่งเจ้าของบ้านจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
โดยสาเหตุที่เจ้าของบ้านต้องให้ความสำคัญกับการตรวจรับบ้านก่อนเซ็นรับบ้านก็เพื่อป้องกันปัญหาและค่าใช้จ่ายที่จะตามมาในภายหลัง เพราะมีส่วนใดเกิดการชำรุดจากการกระทำของบริษัทรับสร้างบ้านจนต้องซ่อมแซมหลังจากเซ็นรับบ้านไปแล้ว เจ้าของบ้านจะต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายด้วยตัวเอง ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกจ้างบริษัทตรวจรับบ้านมาดูแลในส่วนนี้มากกว่าการตัวรับบ้านด้วยตัวเอง
รับสร้างบ้านคุณภาพ กับวิธีเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อไปตรวจรับบ้านด้วยตัวเอง
การเตรียมตัวและเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อมก่อนเข้าไปตรวจรับบ้าน ถือเป็นที่เจ้าของบ้านต้องให้ความใส่ใจ เพื่อให้สามารถเข้าไปตรวจรับบ้านได้อย่างราบรื่น โดยมีสิ่งที่ต้องเตรียม ดังนี้
การเตรียมตัวก่อนไปตรวจรับบ้าน
- ตรวจสอบสัญญา และเงื่อนไขต่างๆ ให้ครบถ้วนอีกครั้ง
- นัดวันและเวลาในการเข้าไปตรวจรับบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้าน (ควรนัดในช่วงเช้า เพื่อให้สามารถใช้เวลาได้เต็มที่ และมีแสงสว่างเพียงพอสำหรับการตรวจบ้าน)
- เตรียมรายละเอียดวัสดุ และการออกแบบ เพื่อใช้เปรียบเทียบกับตัวบ้านจริง
- ควรเตรียมคนไปตรวจรับบ้านด้วยอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป เพื่อลดเวลา และเพิ่มความละเอียดในการตรวจเช็ก
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมเมื่อเข้าไปตรวจรับบ้าน
- ดินสอ/ปากกา และสมุดโน้ต เพื่อจดรายละเอียดต่างๆ
- กระดาษ Post-It หรือ เทปกาวชนิดลอกง่าย เพื่อใช้แปะในจุดที่ต้องการให้ช่างแก้ไข
- ไฟฉาย ใช้ส่องเพื่อเช็กสี และความเรียบของพื้นผิวต่างๆ เช่น ผนัง กระเบื้อง ระบบไฟใต้ฝ้า เป็นต้น
- ตลับเมตร หรือสายวัด เพื่อวัดพื้นที่ว่า ตรงตามแบบบ้านที่ตกลงกันไว้หรือไม่
- ดินน้ำมัน / ถุงพลาสติก สำหรับทดสอบการรั่วซึมของขอบยางประตู หน้าต่าง และการระบายน้ำ
- ไขควงด้ามไม้ เหรียญสิบ หรือค้อนหัวยาง ใช้เคาะกระเบื้องเพื่อเช็กความแน่นของปูนกาว
- กระจกบานเล็ก ใช้ส่องเช็กความเรียบร้อยของขอบบานประตูด้านบน
- เครื่องตรวจสอบเบรกเกอร์ตัดไฟรั่วไหล (ELCB Tester) / ไขควงวัดไฟ เพื่อเช็กความผิดปกติของเต้ารับ (ควรให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ตรวจสอบ)
4 จุดที่ต้องเช็กเมื่อตรวจรับบ้าน โดยบริษัท รับสร้างบ้านคุณภาพ
โครงสร้างภายในบ้าน
บริษัทรับสร้างบ้านคุณภาพ Royal House เข้าใจเป็นอย่างดีว่า หากเราให้ลูกค้าเข้ามาตรวจโรงสร้างหลังจากสร้างบ้านเสร็จ ลูกค้าอาจจะไม่สามารถเห็นจุดบกพร่องหรือจุดที่ต้องการแก้ไขได้ละเอียดเท่าการเข้ามาตรวจเช็กในทันที เราจึงแบ่งช่วงให้เจ้าของบ้านเข้ามาตรวจเช็กเป็นระยะ โดยในส่วนของโครงสร้างบ้าน มีจุดที่ต้องเช็ก ดังนี้
- เสาและคาน
เสาและคานต้องไม่มีรอยแตกร้าวหรือรอยแยกระหว่างเสากับผนัง
- พื้น
พื้นกระเบื้อง ต้องปูให้เรียบเท่ากัน ไม่แอ่น ไม่บิ่น ควรใช้ไขควงด้ามไม้ หรือค้อนหัวยางเคาะกระเบื้องทุกแผ่น เพื่อเช็กความแน่นของปูนกาวใต้กระเบื้อง
- ฝ้าเพดาน และหลังคา
ฝ้าเพดานต้องเรียบเท่ากัน ไม่แอ่นหรือโค้ง นอกจากนี้ยังควรปีนขึ้นไปดูเหนือฝ้า เพื่อตรวจการรั่วซึมของฝ้าเพดาน และหลังคา รวมถึงเช็กความเรียบร้อยของการเดินสายไฟ และฉนวนกันความร้อน
- ประตูและหน้าต่าง
ทดสอบการรั่วซึมโดยการฉีดน้ำ เพื่อดูว่าขอบมุมวงกบมีน้ำซึมเข้าไปด้านในหรือไม่ ในส่วนของบานประตู ควรเช็กดูขอบด้านบนว่าทาสีเรียบร้อยหรือไม่ ผ่านการใช้กระจกขนาดเล็กที่เตรียมมาส่องขึ้นไป
พื้นที่นอกตัวบ้าน
พื้นที่นอกตัวบ้าน เป็นเหมือนปราการด่านแรกที่ทุกคนจะต้องพบเห็น จึงต้องให้ความสำคัญกับความเรียบร้อยและสวยงามของบริเวณนี้ไม่แพ้พื้นที่ภายในบ้าน โดยจุดที่ต้องตรวจเช็ก มีดังนี้
- ประตูรั้ว
หากเป็นบานพับ ต้องเปิด-ปิดได้สะดวกไม่ฝืด ถ้าเป็นบานเลื่อนจะต้องไม่เลื่อนไหลเอง หรือหากเป็นบานไฟฟ้า ต้องสามารถเปิดได้จนสุด กลอนประตูต้องสามารถบิดได้สะดวกไม่ฝืดเคือง งานสีต้องทาเรียบร้อย ไม่เห็นเนื้อวัสดุหรือขึ้นสนิม
- รั้วบ้าน
รั้วจะต้องตั้งขนานในระนาบเดียวกันทั้งแถว ไม่เอียง ไม่ล้ม และไม่มีรอยแตกร้าว สีที่ทาต้องเรียบเนียนสวยงาม ไม่มีคราบสกปรกจากการก่อสร้าง และต้องมีความแข็งแรง
- พื้นที่สวน
บริเวณสนามหญ้าและพื้นที่สวน ต้องไม่มีเศษปูน หรือเศษวัสดุก่อสร้างปะปนอยู่ พื้นสนามต้องเรียบ ไม่มีหลุมบ่อ
- การระบายน้ำ
ตรวจสอบการระบายน้ำ ผ่านการฉีดน้ำเพื่อดูทิศทางการไหลของน้ำ โดยจะต้องตรวจสอบว่า มีรางระบายน้ำอยู่รอบที่ดินในจุดที่น้ำจะไม่ไหลย้อนกลับเข้าบ้านหรือไม่
- ที่จอดรถ
พื้นบริเวณที่จอดรถ ต้องมีความเรียบเสมอกัน และต้องก่อสร้างด้วยปูนซีเมนต์ที่มีความแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักรถยนต์ได้ นอกจากนี้จะต้องตรวจสอบความลาดเอียงให้อยู่ในองศาที่เหมาะสม เพื่อให้น้ำสามารถระบายได้ดีเมื่อฝนตกหรือล้างรถ
- ผนังภายนอก
ผนังของตัวบ้านภายนอก และผนังของกำแพงรอบตัวบ้าน ต้องไม่มีรอยแตกร้าว หรือคราบสกปรกจากการก่อสร้าง การทาสีต้องเรียบเนียนสม่ำเสมอ
ระบบน้ำ และสุขาภิบาล
เพราะห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่ต้องใช้น้ำมากที่สุด หากเกิดปัญหารั่วซึม หรือไม่สามารถระบายน้ำได้อย่างเต็มที่ ก็อาจจะเกิดผลกระทบกับตัวบ้านส่วนอื่นๆ ได้ โดยจุดที่ต้องเช็ก มีดังนี้
- ทิศทางการไหลของน้ำ
สามารถเช็กได้ทั้งวิธีการควรฉีดน้ำทั้งในโซนเปียกและโซนแห้ง หรือนำลูกแก้ว/ลูกบอลไปวาง เพื่อสังเกตว่า ทิศทางที่ไหลลงมา ตรงกับบริเวณที่ท่อระบายน้ำตั้งอยู่หรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขัง
- ท่อระบายน้ำ
ท่อระบายน้ำ ต้องสามารถระบายน้ำได้ในทันที ไม่มีปัญหาน้ำเอ่อล้น หรือน้ำท่วมขัง โดยจะต้องเช็กทั้งท่อระบายน้ำบนพื้นโซนเปียก-แห้ง และอ่างล้างหน้า
- ระบบท่อน้ำ
ระบบท่อน้ำต้องไม่มีรอยรั่วซึม เมื่อเปิดใช้น้ำจะต้องไม่มีน้ำหยดบริเวณท่อน้ำ เมื่อปิดระบบน้ำทั้งหมดแล้ว มิเตอร์น้ำจะต้องไม่หมุน
- ความแรงของน้ำ
เมื่อเปิดใช้ก๊อก ฝักบัว หรือกดชักโครก จะต้องมีความแรงน้ำที่พอดี สามารถชำระล้างสิ่งสกปรกออกไปได้ น้ำต้องไหลสะดวกไม่เบาผิดปกติ หรือไหลแรงเป็นช่วงๆ
- ถังน้ำดี บ่อพักน้ำเสีย ถังบำบัด ปั๊มน้ำ
ถังน้ำดี บ่อพักน้ำเสีย ถังบำบัด ต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานทั้งภายในและภายนอก ไม่มีเศษขยะอุดตัน ปั๊มน้ำต้องตรวจสอบว่าต่อสายดินเรียบร้อยหรือไม่ รวมถึงต้องสามารถทำงานได้ปกติ และไม่มีรอยรั่วซึม
ระบบไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้า ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตรวจสอบ เพราะหากเกิดไฟฟ้าลัดวงจร อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ โดยในส่วนนี้ หากเจ้าของบ้านไม่มีความเชี่ยวชาญ ก็ควรจะสอบถามผู้ดูแลโครงการให้ละเอียด หรือจ้างบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบไฟฟ้า หรือบริษัทที่ให้บริการตรวจรับบ้าน มาช่วยดูแลและตรวจสอบ
- สวิตช์ไฟ
ควรทดลองใช้งานสวิตช์ไฟทุกจุด ว่าสามารถเปิด-ปิดตามปกติ
- เต้ารับ
ต้องใช้เครื่องสอบเบรกเกอร์ตัดไฟรั่วไหล (ELCB Tester) เพื่อทดสอบความถูกต้องของการเดินสายไฟ สายดิน และระบบตัดไฟ
- ตู้ไฟ
เป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าเข้ามาตรวจสอบ โดยคุณอาจจะให้ทีมงานของบริษัทรับสร้างบ้านที่คุณเลือกเข้ามาช่วยเหลือในส่วนนี้ ซึ่งจะต้องดูทั้งวิธีการเดินสายไฟ สีและขนาดของสายไฟ เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของเจ้าของบ้าน
สุดท้ายนี้ เราเชื่อว่าเช็กลิสต์ตรวจรับบ้านที่เรารวบรวมมา จะทำให้คุณสามารถตรวจรับบ้านก่อนโอนได้อย่างละเอียด นอกจากนี้ หากคุณเลือกบริษัทรับสร้างบ้านคุณภาพ ที่มีมาตรฐานการก่อสร้างชัดเจน พร้อมทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ คุณก็จะไม่ต้องกังวลมากนักเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจรับบ้าน
แหากคุณกำลังมองหาบริษัทรับสร้างบ้านคุณภาพ ก็อย่าลืมนึกถึง Royal House เพราะเรามีทีมงาน เครื่องมือ และเทคโนโลยีที่จะทำให้บ้านทุกหลังที่ถูกสร้างโดย Royal House มีคุณภาพ และตรงตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ สำหรับผู้ที่สนใจสร้างบ้านกับเรา หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ Line: @royalhouse