บ้านสไตล์ทัสคานี (Tuscany Style) ได้รับความนิยมในประเทศไทยอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่หลงใหลในบรรยากาศชนบทยุโรป ซึ่งทำให้ผู้สนใจเลือกสร้างบ้านในรูปแบบนี้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากถอดแบบจากต้นฉบับทั้งหมด ดีไซน์ของบ้านอาจไม่เหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศไทยเท่าไรนัก จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ที่ต้องการสร้างบ้านควรเลือกผู้รับเหมา หรือบริษัทรับสร้างบ้านที่เข้าใจดีไซน์ และองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อให้บ้านที่สร้างขึ้นมาสมบูรณ์แบบที่สุด
ดังนั้น ในบทความนี้ Royal House ขอพาทุกคนเจาะลึกแนวคิดและดีไซน์ของบ้านสไตล์ทัสคานี พร้อมวิเคราะห์ข้อจำกัด ถ้าต้องการสร้างในประเทศไทย ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกัน
Tuscany Style คืออะไร?
หากกล่าวถึงคำว่า “Tuscany” เพียงอย่างเดียว เราจะนึกถึงแคว้นหนึ่งในภาคกลางของอิตาลี ซึ่งเต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่สวยงาม และประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน อย่างไรก็ตาม คำว่า Tuscany ยังสามารถเชื่อมโยงกับการออกแบบบ้านในสไตล์ “Tuscany Style” คือแบบบ้านที่รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรม และการตกแต่งภายในของแคว้น Tuscany นั่นเอง
เจาะลึกแนวคิดบ้านสไตล์ทัสคานี กับการปรับตัวในยุคปัจจุบัน
บ้านสไตล์ทัสคานีในรูปแบบดั้งเดิม ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการอยู่อาศัยในเขตภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Climate) ซึ่งมีฤดูร้อนที่แห้ง และฤดูหนาวที่อบอุ่น แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับประเทศไทย ที่อยู่ในเขตภูมิอากาศร้อนชื้นแบบมรสุม (Tropical Monsoon Climate) ซึ่งมีอากาศร้อนตลอดปีและมีช่วงฤดูฝนที่ชัดเจน
สำหรับผู้ที่สนใจสร้างบ้านในสไตล์ทัสคานี ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบของบ้านให้เหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศไทย และเลือกออกแบบบ้านร่วมกับบริษัทรับสร้างบ้านที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้สามารถอยู่อาศัยได้อย่างสบาย โดยมีจุดสำคัญที่ควรคำนึงถึง ดังนี้
วัสดุก่อสร้าง
บ้านสไตล์ทัสคานี ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างจากธรรมชาติ เช่น ไม้ หิน ดินเผา และวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ เพื่อให้ตัวบ้านดูกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม และสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ผ่อนคลาย ทำให้ เมื่อพิจารณาถึงสภาพอากาศของประเทศไทย ซึ่งมีอุณหภูมิสูง และความชื้นสูง การใช้วัสดุบางประเภทอาจไม่เหมาะสม หรืออาจต้องมีการบำรุงรักษาสูง
ดังนั้น แนวทางที่เหมาะสมคือ การเลือกใช้วัสดุทดแทนที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับวัสดุธรรมชาติ แต่สามารถทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยได้ดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยให้บ้านมีความทนทาน ใช้งานได้ยาวนานขึ้นอีกด้วย
สถาปัตยกรรมแบบเปิดโล่ง
ปัจจัยด้านสภาพอากาศของแคว้นทัสคานีที่มีอากาศร้อนในบางช่วงของปี ไม่ได้แตกต่างจากประเทศไทยมากนัก ส่งผลให้บ้านสไตล์ทัสคานีแบบดั้งเดิมให้ความสำคัญกับการออกแบบที่โปร่งโล่ง เช่น การมีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ และพื้นที่สีเขียวโดยรอบ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิและเพิ่มความสบายในการอยู่อาศัย
เช่นเดียวกับ แบบบ้านสไตล์ทัสคานีจากบริษัทรับสร้างบ้าน Royal House ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี โดยคำนึงถึงการถ่ายเทอากาศ ได้มีการออกแบบช่องลมขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าต่างหรือประตู เพื่อให้ลมสามารถพัดผ่านได้สะดวก อีกทั้งยังมีการจัดสรรพื้นที่ว่างสำหรับปลูกต้นไม้รอบบ้าน ช่วยสร้างร่มเงา ลดความร้อนสะสม ทำให้บ้านเย็นสบาย
เน้นใช้สีโทนอุ่น
อีกหนึ่งความโดดเด่นของ บ้านสไตล์ทัสคานี คือการเลือกใช้สีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและกลมกลืนกับธรรมชาติ โดยนิยมใช้ โทนสีเอิร์ทโทน หรือสีในพาเลตต์พาสเทล เช่น สีครีม สีส้มอิฐ สีเทอร์ราคอตต้า และสีเหลืองมัสตาร์ด ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยสร้างบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ยังมีประโยชน์ในด้านการสะท้อนแสงแดด ช่วยลดการสะสมความร้อนภายในบ้าน ทำให้บ้านเย็นสบายขึ้น
สำหรับ บ้านสไตล์ทัสคานีในยุคปัจจุบัน ยังคงยึดแนวทางการใช้สีเหล่านี้เป็นหลัก ไม่เพียงเพราะความสวยงามและความคลาสสิกที่ให้กลิ่นอายชนบทยุโรป แต่ยังช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวบ้าน ซึ่งแตกต่างจากสีพื้นทั่วไปที่มักใช้ในบ้านสมัยใหม่ อย่างเช่น สีขาว สีเทา หรือสีฟ้า เป็นต้น
คงเอกลักษณ์ซุ้มโค้ง
เอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้ของบ้านสไตล์ทัสคานี คือ ซุ้มโค้ง (Arches) ซึ่งเป็นองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่ช่วยลดความแข็งกระด้างของโครงสร้างอาคาร ที่โดยปกติแล้วมักมีลักษณะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม
ทั้งนี้ การเติมองค์ประกอบที่โค้งมนของบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้านสมัยใหม่ ไม่ได้เจาะจงไปที่ประตู หรือหน้าต่าง แต่รวมไปถึงระเบียง ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความรู้สึกอ่อนโยนให้กับตัวบ้าน แต่ยังช่วยให้การออกแบบดูมีมิติ และสวยงามมากยิ่งขึ้น
รู้ 3 ข้อจำกัด ของบ้านสไตล์ทัสคานี จากบริษัทรับสร้างบ้านในไทย
ก่อนที่จะสร้างบ้านสไตล์ใด ๆ เจ้าของบ้านควรทำความเข้าใจที่มาหรือต้นกำเนิดของสไตล์นั้น เพื่อให้เข้าใจบริบทและแนวคิดในการออกแบบอย่างแท้จริง สามารถช่วยให้การออกแบบบ้านของคุณเป็นไปตามความต้องการ ซึ่งสำหรับบ้านสไตล์ทัสคานี บริษัทรับสร้างบ้าน Royal House ก็มี 3 จุดที่เจ้าของบ้านควรระวัง และพิจารณาก่อนเลือกแบบบ้าน ดังนี้
ขนาดพื้นที่ในการก่อสร้าง
เริ่มกันที่ปัจจัยแรก อย่าง ขนาดพื้นที่ในการก่อสร้าง อย่างที่รู้กันว่า บ้านสไตล์ทัสคานีมักมีดีไซน์เปิดโล่ง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ภายในบ้าน หรือการต่อเติมระเบียงกว้าง ทำให้ต้องใช้พื้นที่ในการก่อสร้างมากกว่าบ้านทั่วไปอย่างแน่นอน ดังนั้น หากผู้ที่สนใจแบบบ้านดังกล่าว มีพื้นที่ดินปลูกสร้างจำกัด ควรปรึกษากับบริษัทรับสร้างบ้าน เพื่อมองแนวทางในการสร้างที่เหมาะสม
ต้นทุนก่อสร้างสูง
เมื่อบ้านมีขนาดใหญ่ สิ่งที่ตามมาคือ ต้นทุนในการก่อสร้างที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในบ้านสไตล์ทัสคานี ซึ่งมักใช้วัสดุเฉพาะทาง เช่น ผนังหินธรรมชาติ หรือ หลังคากระเบื้องดินเผา ซึ่งมีมูลค่าสูงจากการนำเข้า อีกทั้งยังมีรายละเอียดของงานตกแต่ง เช่น ซุ้มโค้งประตูและหน้าต่าง หรือ พื้นกระเบื้องแบบดั้งเดิม ที่ต้องใช้ช่างฝีมือเฉพาะทาง เพื่อให้ได้งานที่สวยงาม และตรงตามมาตรฐานการก่อสร้าง
ความชื้น
แม้ความสวยงามของ บ้านสไตล์ทัสคานี จะเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดใจในการก่อสร้าง แต่เจ้าของบ้านก็ควรระมัดระวังเรื่อง ปัญหาจากสภาพอากาศ โดยเฉพาะ ความชื้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในประเทศไทยที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น เนื่องจาก บ้านสไตล์ทัสคานี มักใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น หิน ไม้ และดินเผา หากไม่มีการป้องกันความชื้นอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิด เชื้อรา ตะไคร่น้ำ หรือการเสื่อมสภาพของวัสดุ ได้เร็วขึ้น
สุดท้ายนี้ หากคุณสนใจสร้างบ้านสไตล์ทัสคานี ไม่ควรพลาด Royal House บริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากกว่า 39 ปี พร้อมผลงานการสร้างบ้านกว่า 6,000 หลัง เรามีความเชี่ยวชาญในการออกแบบและสร้างบ้านที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการเสร็จสมบูรณ์ เพื่อให้คุณได้บ้านในสไตล์ที่ต้องการ สนใจสามารถติดต่อได้ที่ Line: @royalhouse