หนึ่งในปัญหาหลัก ที่ทำให้ใครหลายคนไม่กล้าตัดสินใจสร้างบ้านสไตล์มินิมอลด้วยตัวเอง คือ ระยะเวลาการก่อสร้างที่ยืดเยื้อ และงบประมาณที่บานปลาย ทำให้ต้องควักเงินส่วนตัวมาจ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แบบไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย หากมีการวางแผนให้ดีในทุกขั้นตอนการเลือกแบบบ้าน เพื่อให้สอดคล้องกับความชอบของคนในครอบครัว
ในบทความสาระคนมีบ้านวันนี้ Royal House จะมาแชร์เทคนิคการเลือกแบบบ้านมินิมอลให้ตรงตามงบประมาณที่วางไว้ และครอบคลุมการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูกัน
บ้านมินิมอล คืออะไร? ทำไมถึงได้รับความนิยมในปี 2025–2026
บ้านสไตล์มินิมอล (Minimal Style) ถือเป็นแบบบ้านที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ด้วยคอนเซปต์ “น้อยแต่มาก” (Less in more) โดยจุดเริ่มต้นของสไตล์มินิมอล อยู่ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1960 จากความเบื่อหน่ายกระแสงานศิลปะแบบ Abstract หรือการสะบัดสีลงในงาน เพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ และความรู้สึกอย่างชัดเจน ในขณะที่ศิลปะแบบมินิมอล จะเน้นความเรียบง่าย และแสดงถึงความเป็นจริงอย่างตรงไปตรงมา
ด้วยเหตุนี้ ศิลปะแบบมินิมอล จึงกระจายอยู่ในงานศิลปะหลากหลายแขนง หนึ่งในนั้นก็คือการตกแต่งบ้าน ซึ่งจะเน้นให้ความสำคัญกับความเรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีสีสันฉูดฉาด หรือเลือกใช้สีโมโนโทนเป็นหลัก เช่น สีขาว สีเทาอ่อน สีเทาเข้ม และสีน้ำตาลอ่อน พร้อมกับตกแต่งบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่เน้นประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก เพื่อให้ภาพรวมของบ้านดูเรียบง่าย แต่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว
อีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญของบ้านสไตล์มินิมอล คือ การจัดเก็บของ ที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งการออกแบบบ้านสไตล์มินิมอลจะต้องออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะการออกแบบชั้นเก็บของที่เป็น Built-in ให้กลมกลืนไปกับผนังห้อง เพื่อให้เก็บของได้เป็นระเบียบ และไม่รกตา ทั้งยังช่วยเพิ่มความสบายตาให้กับเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี

เช็กลิสต์ 4 องค์ประกอบบ้านสไตล์มินิมอลที่แท้จริง
การสร้างบ้านสไตล์มินิมอล แม้หลายคนจะมองว่าเป็นเรื่องง่าย เพราะภายในบ้านจะเน้นความโปร่งโล่ง และคุมโทนสีเพียงแค่ไม่กี่โทนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากไม่ทำความเข้าใจถึงองค์ประกอบบ้านสไตล์มินิมอลอย่างลึกซึ้ง อาจทำให้ภาพรวมของบ้านดูไม่มินิมอล และจืดชืดอีกด้วย ซึ่ง Royal House ก็ได้รวบรวมเช็กลิสต์องค์ประกอบบ้าน สไตล์มินิมอลมาไว้ให้แล้ว ดังนี้
โทนสี และวัสดุที่ใช้
บ้านสไตล์มินิมอล จะเน้นไปที่การใช้โทนสีเรียบ ๆ ให้ Mood & Tone ถึงความเรียบง่าย สงบ และใกล้ชิดกับธรรมชาติ เช่น สีขาว สีครีม สีเบจ สีเทา และสีธรรมชาติของวัสดุต่าง ๆ พร้อมกับใช้วัสดุที่มีความแข็งแรง และทนทานต่อทุกสภาพอากาศ
ฟังก์ชันการจัดวางพื้นที่
การจัดวางพื้นที่ภายในตัวบ้าน ต้องผ่านการออกแบบมาอย่างรอบคอบ และจัดสรรฟังก์ชันในทุกพื้นที่ให้เป็นระบบ โดยจุดเด่นของบ้านมินิมอล จะเน้นให้มีพื้นที่โปร่งโล่ง และจัดเก็บข้าวของต่าง ๆ ไว้อย่างเป็นระเบียบ ภายในตู้เก็บของ เพื่อให้ภาพรวมของบ้านดูโปร่งโล่งยิ่งขึ้น
เฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับบ้านมินิมอล
เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งภายในบ้าน ต้องมีลักษณะรูปทรงที่เรียบง่าย เช่น ทรงเหลี่ยม หรือทรงกลม รวมถึงมีโทนสีที่กลมกลืนไปกับตัวบ้าน หากต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์ หรือของตกแต่งที่มีลวดลาย ควรเน้นเป็นวัสดุที่ทำจากธรรมชาติ หรือเลียนแบบธรรมชาติ ได้แก่ ไม้ หนังสัตว์ กระจก และหิน เป็นต้น
การจัดแสง และแสงธรรมชาติ
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ขาดไปไม่ได้ของบ้านสไตล์มินิมอล คือ การจัดแสงภายในบ้าน ให้ดูสบายตา และเป็นธรรมชาติ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเน้นออกแบบให้พื้นที่ภายในบ้าน มีแสงธรรมชาติสอดส่องเข้ามาได้ตลอดทั้งวัน รวมถึงเลือกใช้ไฟสี White Light หรือ Warm Light เพื่อให้แสงภายในบ้านดูนวลตา
แนะนำแบบบ้านมินิมอลยอดนิยม ฟังก์ชันครบครัน จาก Royal House
สำหรับใครที่ยังมองไม่ออกว่า แบบบ้านสไตล์มินิมอลที่ดีต้องเป็นแบบไหนบ้าง ลองมาทำความเข้าใจผ่านแบบบ้านของ Royal House ที่ผสานทั้งความสวยงาม และฟังก์ชันการใช้งานไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อให้เจ้าของบ้านได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โดยเราได้เตรียมมาให้ดูทั้งแบบบ้านชั้นเดียว และแบบบ้าน 2 ชั้น ดังนี้
แบบบ้านชั้นเดียว สไตล์มินิมอล
จุดเด่นของแบบบ้านชั้นเดียว สไตล์มินิมอล จะอยู่ที่ความสะดวกสบาย ดูแลรักษาง่าย และทำความสะอาดได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน และต่อเติมได้ง่าย เหมาะกับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอย่างยิ่ง เพราะไม่จำเป็นต้องขึ้นบันได โดยแบบบ้านชั้นเดียวที่น่าสนใจ มีดังนี้

แบบบ้านชั้นเดียว RH-MD.2171
เริ่มกันที่ RH-MD.2171 แบบบ้านสไตล์มินิมอลทรงกล่อง ที่แฝงไปด้วยความโมเดิร์นในทุกอณู โดดเด่นด้วยการใช้กระจกบานใหญ่เป็นองค์ประกอบหลัก ทำให้แสงธรรมชาติสอดส่องเข้ามาได้ตลอดทั้งวัน ทำให้บรรยากาศในบ้านดูโปร่งโล่ง และไม่คับแคบ โดยจุดเด่นของแบบบ้านแปลนนี้ จะอยู่ที่
- พื้นที่ใช้สอย 136.5 ตารางเมตร
- ขนาดที่ดิน 55.51 ตารางวา
- จุดเด่น โครงสร้างเรียบง่ายสไตล์ Modern Minimal หน้ากว้าง เน้นทรงกล่องเปิดโล่ง
- เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นครอบครัว, คนที่อยากได้บ้านเรียบ ๆ มินิมอล แต่ฟังก์ชันครบ
- ราคา 3,490,000 (*โปรดตรวจสอบราคากับสาขาที่ติดต่อ*)

แบบบ้านชั้นเดียว RH-MD.2172
สำหรับแบบบ้าน RH-MD.2172 อีกหนึ่งแปลนบ้านสไตล์โมเดิร์นมินิมอลทรงกล่อง ที่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ผ่านการใช้แปลนแบบตัว L ทำให้สมาชิกในบ้านมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง โดยจุดเด่นของแบบแปลนนี้ จะอยู่ที่
- พื้นที่ใช้สอย 170 ตารางเมตร
- ขนาดที่ดิน 99.36 ตารางวา
- เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการบ้านใหญ่ และมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น แต่ยังคงสไตล์มินิมอล
- ราคา 3,950,000 *โปรดตรวจสอบราคากับสาขาที่ติดต่อ

แบบบ้านชั้นเดียว RH-MD.2150
หากใครที่ชื่นชอบการอยู่อาศัยในบ้านที่กว้าง ขอแนะนำ RH-MD.2150 แบบบ้านสไตล์มินิมอล ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา ผ่านการใช้กระจก และหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้แสงธรรมชาติสอดส่องเข้ามาอย่างสวยงาม ส่งผลให้บรรยากาศในบ้านดูปลอดโปร่ง และไม่มืดทึบ โดยจุดเด่นของแบบแปลนบ้านหลังนี้ จะอยู่ที่
- พื้นที่ใช้สอย 185 ตารางเมตร
- ขนาดที่ดิน 87.5 ตารางวา
- เหมาะสำหรับ ครอบครัวขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลางที่ต้องการบ้านมีพื้นที่ และฟังก์ชันครบ
- ราคา 4,390,000 *โปรดตรวจสอบราคากับสาขาที่ติดต่อ
แบบบ้านสองชั้น สไตล์มินิมอล
จุดเด่นของแบบบ้านสองชั้น สไตล์มินิมอล จะอยู่ที่พื้นที่อยู่อาศัยกว้างขวาง และแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถจัดสรรมุมต่าง ๆ ให้เป็นสัดส่วนได้ง่าย แม้มีสมาชิกอาศัยอยู่เยอะ ก็ไม่รู้สึกอึดอัด โดยแบบบ้าน 2 ชั้นที่น่าสนใจ มีดังนี้

แบบบ้านสองชั้น RH-MD.2099
แบบบ้าน RH-MD.2099 เป็นแบบบ้านสองชั้นสไตล์มินิมอล ที่ให้ความรู้สึกเรียบง่าย และแฝงไปด้วยความอบอุ่น ผ่านการใช้ระแนงไม้เป็นส่วนหนึ่งในการตกแต่ง ทั้งยังสร้างความเป็นส่วนตัวได้อีกด้วย ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของครอบครัวที่ชอบความมินิมอล แต่รูปแบบของบ้านมีความโมเดิร์น โดยจุดเด่นของแบบแปลนบ้านนี้ มีดังนี้
- พื้นที่ใช้สอย 208 ตารางเมตร
- ขนาดที่ดิน 51 ตารางวา
- เหมาะสำหรับ คนที่อยากได้บ้านมินิมอลแบบมีชั้นบน เสริมพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น
- ราคา 4,450,000 *โปรดตรวจสอบราคากับสาขาที่ติดต่อ

แบบบ้านสองชั้น RH-MD 2173
สำหรับใครที่ชอบแบบบ้านโมเดิร์นมินิมอลทรงกล่อง ขอแนะนำแบบบ้าน RH-MD.2173 แบบแปลน 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ที่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง โดดเด่นด้วยการใช้กระจกบานขนาดกลาง และประตูบานใหญ่ ทำให้บรรยากาศในบ้านดูปลอดโปร่ง แต่ไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป โดยจุดเด่นของแบบแปลนบ้านหลังนี้ ได้แก่
- พื้นที่ใช้สอย 210 ตารางเมตร
- ขนาดที่ดิน 56 ตารางวา
- เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการบ้านสไตล์มินิมอลที่มีฟังก์ชันมากขึ้น พื้นที่ใหญ่ขึ้น และพร้อมลงทุนมากขึ้น
- ราคา 6,750,000 *โปรดตรวจสอบราคากับสาขาที่ติดต่อ
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาแบบบ้านสไตล์มินิมอล Royal House บริษัทรับสร้างบ้านที่มีฟังก์ชันครบครัน เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย อีกทั้งยังมีบริการดูแลหลังการสร้างเสร็จ เพื่อให้เจ้าของบ้านมั่นใจได้ทั้งคุณภาพ และความสบายใจในระยะยาว

มัดรวม 7 ข้อดี–ข้อเสียของบ้านมินิมอล ก่อนตัดสินใจสร้างจริง
เพราะบ้านมินิมอล ไม่ใช่แค่สไตล์การออกแบบ แต่ยังเป็นไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ที่เน้นใช้ชีวิตอยู่กับความเรียบง่าย รวมถึงต้องการละทิ้งขนบเดิม ๆ และสิ่งของที่ไม่จำเป็น ออกจากชีวิต ทำให้พื้นที่อยู่อาศัยภายในบ้าน เต็มไปด้วยความสุขในทุกอณู โดยข้อดี และข้อเสียของบ้านสไตล์มินิมอล มีดังนี้
5 ข้อดีของบ้านสไตล์มินิมอล
งบประมาณไม่สูง
แม้หลายคนจะมองว่าการสร้างบ้านมินิมอล จำเป็นต้องใช้งบประมาณที่สูง เพราะมีค่าใช้จ่ายในการ Built-in แทบทุกมุมบ้าน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การสร้างบ้านมินิมอล เป็นการประหยัดงบประมาณในการออกแบบ และการซื้อเฟอร์นิเจอร์มากกว่าบ้านสไตล์อื่น ๆ เนื่องจาก แบบบ้านมินิมอลมักเน้นการออกแบบที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ตอบโจทย์การใช้งานครบครัน
อีกทั้งการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล มักเลือกใช้แต่เฟอร์นิเจอร์ที่มีสีพื้น ซึ่งหาซื้อได้ง่ายตามร้านเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำ หรือร้านค้าออนไลน์ แถมยังมีเรตราคาให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักหมื่น เรียกได้ว่าบ้านสไตล์มินิมอล เป็นหนึ่งในแบบบ้านที่เหมาะกับคนยุคใหม่ที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณอย่างยิ่ง
ดูแลง่าย เหมาะกับแม่บ้านยุคใหม่
อีกหนึ่งข้อดีของบ้านสไตล์มินิมอล ที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน คือ การทำความสะอาดที่ง่าย และประหยัดเวลา เนื่องจาก บ้านสไตล์มินิมอลไม่จำเป็นต้องเคลียร์ของตกแต่ง หรือข้าวของเครื่องใช้ให้เสียเวลา เพียงแค่ปัด กวาด และเช็ดถูให้เรียบร้อย เท่านี้คุณแม่บ้านก็ไม่ต้องเหนื่อยกับการทำความสะอาดในแต่ละวันแล้ว
ช่วยลดความเครียดของผู้อาศัย
ด้วยการออกแบบที่เรียบง่าย และตกแต่งด้วยวัสดุน้อยชิ้นของแบบบ้านสไตล์มินิมอล จะทำให้ภาพรวมของบ้านดูเรียบง่าย โปร่งโล่ง และสบายตา ตั้งแต่การตกแต่งภายนอกบ้าน ไปจนถึงการตกแต่งภายในบ้าน ทำให้สมาชิกในครัวเรือนรู้สึกผ่อนคลาย สงบ และลดความเครียดจากการใช้ชีวิตในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี
พื้นที่ว่างเยอะ ไม่รู้สึกอึดอัด
บ้านสไตล์มินิมอล จะเน้นการจัดวางที่ทำให้ได้พื้นที่โปร่งโล่ง เพื่อประโยชน์ในการใช้สอยด้านอื่น ๆ ทำให้บ้านมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง ทั้งยังช่วยให้ผู้อยู่อาศัยทุกคนไม่รู้สึกแออัด ตอบโจทย์แบบบ้านยุคใหม่ที่เน้นใช้พื้นที่ให้คุ้มค่า บนพื้นที่ใช้สอยที่จำกัด แต่ครอบคลุมทุกความชอบของสมาชิกในบ้านได้อย่างลงตัว
เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
แบบบ้านมินิมอล มักใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ไม้ วัสดุรีไซเคิล และสีที่ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย ซึ่งการใช้วัสดุเหล่านี้ นอกจากช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยสร้างสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้ดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยด้วย
นอกจากนี้ การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยังช่วยลดการใช้พลังงานในระยะยาว เนื่องจาก วัสดุเหล่านี้มีคุณสมบัติในการเก็บความร้อน และเย็นได้ดี ทำให้บ้านเย็นสบายในฤดูร้อน และอุ่นในฤดูหนาว
2 ข้อเสียของบ้านสไตล์มินิมอล
อาจสร้างความรู้สึกเหงา
ในบางที การตกแต่งที่ดูโปร่งโล่งเกินความจำเป็น อาจสร้างความรู้สึกเหงา และเคว้งคว้างได้ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยเพียงลำพัง แต่ปัญหาเหล่านี้ก็สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ เพียงแค่เพิ่มพร็อพตกแต่ง หรือ Built-in เฟอร์นิเจอร์ เพื่อให้บรรยากาศในบ้านเต็มไปด้วยของใช้
วัสดุบางประเภทดูแลรักษายาก
สำหรับบ้านที่เลือกใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ อาจต้องเจอปัญหาแฝงมากมาย ภายใต้ความเรียบง่ายของบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ปลวกที่เข้ามาสร้างปัญหา พื้นไม้โก่งไม่สวยงาม ไม้บวม และไม้หลุดล่อน จากความชื้นที่สะสมภายใต้แผ่นไม้เป็นเวลานาน
6 วิธีออกแบบบ้านมินิมอลให้น่าอยู่ อยู่สบาย และใช้ชีวิตจริงได้
หลังจากที่ทำความเข้าใจข้อดี และข้อเสียของบ้านสไตล์มินิมอลกันไปแล้ว สำหรับเจ้าของบ้านคนไหน ที่อยากทำความเข้าใจ เกี่ยวกับบ้านสไตล์มินิมอลอย่างลึกซึ้ง Royal House ได้รวมวิธีการออกแบบบ้านมาให้แล้ว ดังนี้
ออกแบบพื้นที่ให้ “ใช้งานได้จริง” ก่อนความมินิมอลสวยงาม
สิ่งสำคัญในการสร้างบ้านสไตล์มินิมอล คือ การออกแบบพื้นที่ให้โล่งกว้าง และใช้งานได้จริง เพื่อให้เห็นสเปซโดยรวม พร้อมรองรับการ Built-in เฟอร์นิเจอร์ และวางพร็อพตกแต่งหลากหลายรูปแบบ
จัดเก็บของแบบซ่อน (Hidden Storage) ลดความรก
อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลย สำหรับการออกแบบบ้านสไตล์มินิมอล คือ การใช้เฟอร์นิเจอร์ Built-in เพื่อจัดเก็บของที่ไม่เข้ากับโทนสีหลักของบ้าน ไว้ในตู้ทึบ (Hidden Storage) ทำให้บ้านดูไม่รก เหมือนกับการวางข้าวของเครื่องใช้ ไว้ในตู้ที่มีความโปร่งใส ทั้งยังช่วยให้เจ้าของบ้าน ใช้สอยพื้นที่ทุกตารางเมตรได้อย่างคุ้มค่าอีกด้วย
ใช้แสงธรรมชาติ และโทนสีช่วยสร้างความอบอุ่นในสไตล์มินิมอล
สี เป็นปัจจัยสำคัญมากในการแต่งบ้านสไตล์มินิมอล โดยส่วนใหญ่แล้วจะเลือกใช้โทนสีเอิร์ธโทน เช่น สีขาว สีเทา สีครีม สีเบจ และสีน้ำตาลอ่อน พร้อมกับเพิ่มลูกเล่นด้วยการไล่ระดับสี หรือเลือกใช้สีข้างเคียง เช่น สีเขียวอ่อน สีเหลือง หรือสีคราม มาตัดกับห้อง เพื่อให้ภาพรวมของบ้านดูน่าสนใจยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บ้านสไตล์มินิมอล ยังนิยมติดตั้งประตู และหน้าต่างกระจกบานใหญ่ หรือเจาะช่องแสงบนหลังคา รวมถึงนิยมติดตั้งม่านแบบโปร่งแสง หรือเลือกเป็นมูลี่ในโทนสีเอิร์ธโทน เพื่อให้แสงธรรมชาติ สอดส่องเข้ามาอย่างพอดิบพอดี และสวยงามเหมือนกับบ้านใน Pinterest
เลือกวัสดุที่ดูแลง่าย เพื่อให้มินิมอลอยู่สวยนาน ไม่โทรมเร็ว
โดยปกติแล้ว บ้านสไตล์มินิมอล จะนิยมนำไม้มาเป็นส่วนหนึ่งในการตกแต่ง แต่หากใช้ไม้จริงทั้งหมด อาจดูแลรักษายาก ดังนั้น ลองเลือกเป็นวัสดุไม้แปรรูป หรือไม้สังเคราะห์ เพื่อการดูแลที่ง่าย สะดวก และไม่ต้องกังวลเรื่องความชื้นสะสม
ออกแบบให้รองรับของจริงในชีวิต ไม่ใช่แค่ในภาพ Pinterest
หนึ่งในวิธีการออกแบบบ้านมินิมอลที่ขาดไปไม่ได้เลย คือ การออกแบบให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และการอยู่อาศัยในชีวิตประจำวัน เนื่องจาก การดีไซน์บ้านตาม Pinterest อาจไม่เข้ากับวิถีชีวิตของสมาชิกในบ้าน ทำให้ต้องคอยปรับเปลี่ยน หรือต่อบ้านโดยไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น อย่าลืมปรึกษากับสถาปนิก เพื่อออกแบบบ้านให้ตรงใจที่สุด
ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นแต่ฟังก์ชันครบ (Multi-Functional Furniture)
อีกหนึ่งวิธีการออกแบบบ้านสไตล์มินิมอล ที่น่าสนใจ คือ การเลือกเฟอร์นิเจอร์ Multi-Funtional ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย และปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ เช่น โซฟาในห้องรับแขก ที่สามารถปรับเป็นเตียงนอนได้ ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ และเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้ ทั้งยังช่วยให้ห้องดูโล่ง และสะอาดตาอีกด้วย
เนรมิตบ้านในฝันให้เรียบง่าย ตามหลัก Minimalism กับ Royal House
จะเห็นได้ว่า บ้านสไตล์มินิมอล ถือเป็นหนึ่งในสไตล์การสร้าง และตกแต่งบ้านที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นบ้านที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานครบครัน เมื่อเวลาผ่านไป เจ้าของบ้านก็สามารถตกแต่ง หรือพลิกโฉมบ้านให้กลายเป็นสไตล์อื่น ๆ ได้ตามความต้องการ
หากใครที่ยังไม่มีบริษัทรับสร้างบ้านในใจ ขอแนะนำบริการจาก Royal House เพราะเราเป็นบริษัทรับออกแบบบ้านที่มากประสบการณ์ รวมถึงมีตัวอย่างแบบแปลนบ้านให้เลือกหลากหลายสไตล์ พร้อมความพิเศษที่คุณสามารถดาวน์โหลดแบบแปลน พร้อมบอกรายละเอียดจำเพาะของวัสดุในการก่อสร้างไว้อย่างครบถ้วน หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่ Line: @royalhouse




