บริษัทรับสร้างบ้าน กับ ผู้รับเหมา เป็นผู้ประกอบการรับสร้างบ้านให้กับเจ้าของบ้านทุกท่าน ซึ่งมีความแตกต่างกันในหลาย ๆ เรื่อง แต่ Royal House เชื่อว่า คงจะมีอีกหลายคนที่ยังไม่ทราบถึงความแตกต่างของบริษัทรับสร้างบ้านกับผู้รับเหมา รวมถึงข้อดี-ข้อเสียของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านแต่ละประเภท
เพราะเราเข้าใจว่า การจะสร้างบ้านสักหลัง ให้ออกมาดูสวยงาม แข็งแรง และตรงกับความต้องการของเจ้าของบ้าน ต้องเลือกผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ และชำนาญที่สุด แน่นอนว่าในวันนี้ Royal House จะพาคุณมาทำความรู้จักกับความแตกต่างของ บริษัทรับสร้างบ้าน และผู้รับเหมาทั่วไป ว่ามีความแตกต่าง และมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
ทำความรู้จัก บริษัทรับสร้างบ้าน กับ ผู้รับเหมา แตกต่างกันอย่างไร
อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่า การสร้างบ้านสักหลังต้องใช้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่มาก่อสร้าง เพื่อให้ “บ้าน” ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อน และสร้างความทรงจำของครอบครัว ออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด โดยความแตกต่างของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านทั้ง 2 ประเภท มีดังนี้
บริษัทรับสร้างบ้าน
บริษัทรับสร้างบ้าน เป็นผู้รับเหมาที่ดำเนินการในรูปแบบของนิติบุคคล ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว จะให้บริการรับสร้างบ้านแบบครบวงจร (One-Stop-Service) ไม่ว่าจะเป็น
- บริการสำรวจที่ดิน
- มีแบบบ้านให้เลือก หรือมีบริการด้านการออกแบบบ้าน
- ดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น การขออนุญาตก่อสร้างบ้าน การขอมิเตอร์น้ำ-ไฟ เป็นต้น
- มีทีมงานที่เกี่ยวข้องกับการสร้างบ้านครบครัน เช่น วิศวกร สถาปนิก มัณฑนากร ช่างเฉพาะทาง เป็นต้น
ซึ่งบริษัทรับสร้างบ้าน มักจะสร้างบ้านทุกหลังด้วยความใส่ใจ ทั้งเพื่อรักษาชื่อเสียงของบริษัทเอาไว้ และเพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้ ดังนั้น คุณจึงสามารถวางใจได้เลยว่า หากเลือกบริษัทรับสร้างบ้านมาก่อสร้างบ้านให้กับคุณ บ้านหลังนั้น จะมีความแข็งแรง สวยงาม และตรงกับความต้องการของคุณได้อย่างแน่นอน
ผู้รับเหมา
ผู้รับเหมาก่อสร้าง เป็นการดำเนินการในนามบุคคล ซึ่งอาจจะเป็นช่างที่ประสบการณ์ด้านการก่อสร้าง แล้วผันตัวมาเป็นผู้รับเหมาเองก็ได้เช่นกัน แต่บางคนอาจเป็นช่างที่เคยทำงานในบริษัทรับสร้างบ้าน และเรียนรู้ จดจำขั้นตอน หรือวิธีต่าง ๆ แต่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง แล้วออกมารับเหมาเองก็มี
ข้อดี-ข้อเสียของ บริษัทรับสร้างบ้าน กับ ผู้รับเหมา
ได้ทราบความแตกต่างของ บริษัทรับสร้างบ้าน กับผู้รับเหมากันไปแล้ว อันดับต่อไปเราก็ได้รวบรวมเอาข้อดี-ข้อเสียของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านแต่ละประเภทมาให้คุณเข้าใจแบบง่าย ๆ ดังนี้
ข้อดีของบริษัทรับสร้างบ้าน
- ให้บริการแบบครบวงจร (One Stop Service)
- ผู้ออกแบบและก่อสร้างเป็นบริษัทเดียวกันและดำเนินการร่วมกันมาตั้งแต่ต้น ทำให้สามารถเข้าใจความต้องการของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี
- สามารถควบคุมงบประมาณได้ดีกว่า เพราะมีเอกสารแสดงรายการค่าวัสดุ (BOQ) ที่ชัดเจน
- มีการกำหนดระยะการก่อสร้างเวลาไว้ในสัญญา ทำให้สามารถควบคุมระยะเวลาในการก่อสร้างได้ดี
- มีสัญญาชัดเจน หากเกิดข้อผิดพลาด หรือเกิดการเทงาน เจ้าของบ้านสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้
ข้อเสียของบริษัทรับสร้างบ้าน
- จำกัดแบบบ้าน เพราะบริษัทรับสร้างบ้านบางแห่ง มักจะมีแบบบ้านมาตรฐานให้เลือกอยู่แล้ว และไม่สามารถออกแบบใหม่ได้ แต่ที่ Royal House เป็นบริษัทรับสร้างบ้านที่มีแบบบ้านให้เลือกมากมายกว่า 300 แบบ และหากแบบบ้านที่เรามีไม่ถูกใจคุณ ก็สามารถให้ทีมงานของเราช่วยออกแบบได้เช่นกัน
- ค่าใช้จ่ายสูง เพราะทีมงานในบริษัทรับสร้างบ้าน จะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละสายงานโดยเฉพาะ
ข้อดีของผู้รับเหมา
- ราคาไม่สูงมาก เพราะสามารถต่อรองกับผู้รับเหมาได้ รวมถึงผู้รับเหมาเหล่านี้ไม่ได้มีต้นทุนด้านบุคลากรที่ต้องจ่ายเท่าไหร่นัก
- สามารถปรับเปลี่ยนแบบหรือวัสดุได้ง่ายกว่า เพราะไม่ได้มีการทำสัญญาที่ระบุวัสดุไว้
ข้อเสียของผู้รับเหมา
- เสี่ยงต่อการถูกโดนโกงหรือโดนเทงาน เพราะไม่ได้มีการเซ็นสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร
- งบบานปลายได้ง่าย เนื่องจากผู้รับเหมา มักจะไม่มีเอกสารแสดงรายการค่าวัสดุ (BOQ) ที่ชัดเจน หากเจอผู้รับเหมาที่แย่มาก ก็อาจจะขอเบิกเงินเพื่อไปซื้อวัสดุแต่ไม่ได้ซื้อตามงบที่เบิกไปก็ได้
- อาจเกิดปัญหาตามมาหลังจากสร้างเสร็จได้ เพราะผู้รับเหมาอาจไม่มีความชำนาญมากพอ
บริษัทรับสร้างบ้าน กับผู้รับเหมา เลือกแบบไหนดีกว่ากัน
ได้ทราบทั้งความแตกต่าง และข้อดี-ข้อเสียของ บริษัทรับสร้างบ้าน กับผู้รับเหมา กันไปแล้ว เชื่อว่าหลายคนก็อาจจะมีคำถามผุดขึ้นมาอีกข้อว่า แล้วต้องเลือกผู้ประกอบการรับสร้างบ้านประเภทไหน จึงจะเหมาะสมกับตัวเองดีล่ะ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านทั้ง 2 ประเภทนั้นมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันไป การเลือกผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน จึงต้องขึ้นอยู่กับความต้องการ และความพร้อมด้านการเงินของเจ้าของบ้าน
สำหรับผู้ที่มีงบประมาณน้อย และไม่ได้มีรายละเอียดการก่อสร้างที่วุ่นวายมากนัก ก็สามารถเลือก ผู้รับเหมา ไปสร้างบ้านได้เช่นกัน โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกผู้รับเหมาไปสร้างบ้านก็คือ ความน่าเชื่อถือและผลงานที่ผ่านมาของผู้รับเหมาท่านนั้น นอกจากนี้ หากคุณตัดสินใจเลือกผู้รับเหมาได้แล้ว ก็ควรจะมีการพูดคุยเพื่อทำสัญญา, กำหนดวัสดุ และงบประมาณให้ชัดเจนเสียก่อน เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาระหว่างและหลังการก่อสร้าง
ในส่วนของผู้ที่มีงบประมาณเยอะ และต้องการสร้างบ้านที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก ก็ควรจะเลือก บริษัทรับสร้างบ้าน ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า ที่สำคัญคือ แม้ว่าบริษัทรับสร้างบ้านส่วนใหญ่ จะมีความน่าเชื่อถือกว่าผู้รับเหมา แต่ก็ควรจะหาข้อมูลและดูผลงานการก่อสร้างที่ผ่านมาก่อนเช่นกัน เพื่อให้เจ้าของบ้านพิจารณาว่า แนวทางการออกแบบ หรือผลงานของบริษัทรับสร้างบ้านที่เลือก ตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่ เพื่อให้คุณพอใจกับผลงานบ้านที่สร้างเสร็จแล้วมากที่สุด
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับความแตกต่าง และข้อดี-ข้อเสียของ บริษัทรับสร้างบ้าน กับ ผู้รับเหมา ที่ Royal House ได้รวบรวมมาให้คุณ เชื่อว่าคงจะทำให้หลายคนได้ความรู้ และความเข้าใจกันไปมากพอสมควร ทั้งนี้ แม้ว่าผู้ประกอบการรับสร้างบ้านทั้ง 2 ประเภท จะมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันไป แต่คุณก็ควรจะพิจารณาความพร้อมของตัวคุณเอง และหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่ต้องการเลือกให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจจ้างเสมอ เพื่อให้คุณได้ผลงานบ้านที่พอใจมากที่สุด
สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาบริษัทรับสร้างบ้านครบวงจร ที่ให้บริการด้วยความใส่ใจ ก็อย่าลืมนึกถึง Royal House บริษัทรับสร้างบ้านที่ให้ดำเนินการก่อสร้างบ้านมายาวนานกว่า 30 ปี พร้อมทีมงานที่เกี่ยวข้องกับการสร้างบ้านที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มากมาย เพื่อสร้าง “บ้าน” ที่เป็นมากกว่าบ้าน แต่เป็นสถานที่แห่งความสุข ที่คุณสามารถสร้างรอยยิ้ม และความทรงจำดี ๆ ร่วมกับสมาชิกในครอบครัวได้อย่างแท้จริง หากสนใจสร้างบ้านกับ Royal House หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ Line: @royalhouse