ในปัจจุบัน มีโครงการบ้านจัดสรรผุดขึ้นมากมายทั่วทุกพื้นที่ พร้อมตัวเลือกที่หลากหลายทั้งในแง่ของทำเล ขนาด และราคา ตั้งแต่ระดับ 2 ล้านบาท ไปจนถึงหลัก 100 ล้านบาท ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า การสร้างบ้านผ่านบริษัทรับสร้างบ้าน ยังคงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์หรือไม่ในยุคนี้
ดังนั้น เพื่อไขข้อสงสัยให้กับผู้ที่กำลังลังเล หรือยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรเลือกแบบใดระหว่างการสร้างบ้านเองกับบริษัทรับสร้างบ้าน หรือเลือกซื้อบ้านในโครงการจัดสรร ในบทความนี้ Royal House ขอพาทุกคนมาเปรียบเทียบความแตกต่างทั้งสองตัวเลือก เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าแบบไหนตอบโจทย์ “บ้านในฝัน” ของคุณได้มากที่สุด ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย
ต้องรู้! ต่างกันยังไงระหว่างบริษัทรับสร้างบ้าน กับบ้านจัดสรร
การจะได้บ้านดี ๆ สักหลังในยุคนี้ จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการชั่งน้ำหนักข้อดี-ข้อเสีย ของแต่ละทางเลือกให้ละเอียด ก่อนตัดสินใจลงทุนครั้งสำคัญในชีวิต แม้ราคาบ้านจากทั้งสองตัวเลือก อาจใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่คุณจะได้รับกลับแตกต่างกันอย่างชัดเจน เพื่อให้การมีบ้านของคุณคุ้มค่ามากที่สุด ลองมาดูจุดแตกต่างทั้ง 8 ข้อ ของแต่ละทางเลือกกัน ดังต่อไปนี้
ทำเลที่ตั้ง
- บริษัทสร้างบ้าน: เจ้าของบ้านสามารถเลือกที่ดินในทำเลที่ต้องการ ทำให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฉพาะบุคคลได้มากที่สุด
- โครงการบ้านจัดสรร: มักมีข้อจำกัดในการเลือกทำเล เนื่องจากโครงการบ้านที่อยู่ในทำเลที่ดี อาจมีราคาค่อนข้างสูง
- การควบคุมงบประมาณ
- บริษัทสร้างบ้าน: มีเรตราคากำหนดเป็นไปตามสัญญา การควบคุมงบประมาณ อาจขึ้นลงตามราคาของวัสดุก่อสร้างในช่วงนั้น ๆ
- โครงการบ้านจัดสรร: งบประมาณเป็นราคาตายตัวตามแบบบ้านที่โครงการกำหนด ทำให้ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่าย
การปรับแต่ง
- บริษัทสร้างบ้าน: มีความอิสระในการออกแบบ และสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันของบ้านได้เล็กน้อย ทำให้ได้บ้านตอบโจทย์การอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น
- โครงการบ้านจัดสรร: การปรับแต่งเป็นไปได้ยาก เพราะโครงการใช้แบบบ้านมาตรฐาน และโครงการอาจไม่อนุญาตให้แก้ไขโครงสร้างหลัก
ความสะดวกสบาย
- บริษัทสร้างบ้าน: มักมีบริการสร้างบ้านครบวงจร ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ให้การสร้างบ้านเป็นเรื่องง่าย
- โครงการบ้านจัดสรร: มีความสะดวกสบายสูง เพราะบ้านส่วนใหญ่ของโครงการมักสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ รวมถึงมีระบบสาธารณูปโภคภายในโครงการที่ครบครัน
สำหรับใครที่กำลังมองหาการสร้างบ้านในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็น ฤดูฝน หน้าหนาว หรือหน้าร้อน ขอแนะนำบริษัทรับสร้างบ้าน Royal House ที่พร้อมดูแลการสร้างบ้านในทุกฤดูกาล ด้วยทีมงานมืออาชีพ และประสบการณ์มากกว่า 39 ปี พร้อมช่วยให้การสร้างบ้านเป็นเรื่องง่าย เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด และได้บ้านคุณภาพ ตรงตามความต้องการของคุณ
ประกันหลังการขาย
- บริษัทสร้างบ้าน: มีการรับประกันงานก่อสร้างตามที่บริษัทกำหนด เช่น โครงสร้าง 20 ปี หรือการเก็บรายละเอียดในตัวบ้านทั้งหมด 1 ปี แต่ควรตรวจสอบเงื่อนไขกับผู้ให้บริการก่อน
- โครงการบ้านจัดสรร: ส่วนใหญ่มาพร้อมการรับประกันที่ชัดเจน และมีฝ่ายบริการลูกค้าในโครงการช่วงดูหลังส่งมอบบ้าน
การตรวจเช็กขั้นตอนการสร้าง
- บริษัทสร้างบ้าน: เจ้าของบ้านสามารถเข้าตรวจหน้างานได้ตามขั้นตอนที่กำหนด และสามารถแจ้งปรับปรุงได้ทันทีหากพบปัญหา
- โครงการบ้านจัดสรร: ไม่สามารถตรวจสอบรายละเอียดขั้นตอนในการสร้างได้มาก เพราะบ้านสร้างเสร็จเป็นเรียบร้อยแล้วก่อนขาย
ค่าใช้จ่ายหลังเข้าอยู่
- บริษัทสร้างบ้าน: ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว โดยไม่ต้องเสียค่าส่วนกลาง รวมถึงค่าซ่อมแซมจิปาถะ
- โครงการบ้านจัดสรร: มีค่าส่วนกลางรายเดือนที่ต้องจ่ายอย่างต่อเนื่อง แม้ไม่ได้ใช้งานเลย
ความยืดหยุ่นหลังเข้าอยู่
- บริษัทสร้างบ้าน: บริษัทสร้างบ้าน มักมีโครงสร้างและพื้นที่รองรับการปรับเปลี่ยนในอนาคต เช่น การต่อเติมห้อง การปรับปรุงพื้นที่ใช้งาน หรือเพิ่มฟังก์ชันใหม่ได้ตามที่ต้องการ
- โครงการบ้านจัดสรร: มีข้อจำกัดในการดัดแปลง หรือการปรับปรุง เนื่องจาก ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของโครงการ และการสร้างผลกระทบภาพรวมของบ้านข้างเคียง
เผย 4 ข้อสำคัญ ก่อนเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน และบ้านจัดสรร
แม้ว่าการเลือกใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้าน หรือซื้อบ้านจากโครงการบ้านจัดสรร จะดูเป็นทางเลือกที่สะดวก แต่ก็มีความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การถูกโกง หรือไม่ได้บ้านตามที่คาดหวัง ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น Royal House ขอแนะนำ 4 ข้อสำคัญที่ควรตรวจสอบ ก่อนตัดสินใจเลือกผู้ให้บริการ ดังนี้
ผู้ให้บริการจดทะเบียนถูกต้อง
บริษัทสร้างบ้าน และโครงการบ้านจัดสรร มีให้เลือกใช้หลายผู้ให้บริการ จำเป็นต้องตรวจสอบว่า บริษัทมีการจดทะเบียนนิติบุคคลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีที่ตั้งชัดเจน และมีประวัติการทำงานที่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อความมั่นใจว่าไม่ใช่บริษัทหลอกลวง
รายละเอียดสัญญาที่ชัดเจน
หนึ่งในปัญหาที่มักเกิดขึ้นระหว่างเจ้าของบ้าน และผู้ให้บริการคือ ความล่าช้าในการดำเนินงาน ซึ่งส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการไม่ตรวจสอบ หรือทำความเข้าใจรายละเอียดในสัญญาว่าจ้างอย่างรอบคอบ หากการก่อสร้างไม่เป็นไปตามที่โฆษณาไว้ ก่อสร้างล่าช้า หรือไม่แล้วเสร็จตามกำหนด เจ้าของบ้านอาจเสียเปรียบได้
ดังนั้น ก่อนเซ็นสัญญา ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าสัญญาว่าจ้างมีรายละเอียดที่ชัดเจน ครอบคลุมทุกประเด็นสำคัญ เช่น ขอบเขตของงานที่ต้องดำเนินการ ระยะเวลาก่อสร้างที่แน่นอน เงื่อนไขการชำระเงินในแต่ละงวด และเงื่อนไขการรับประกันหลังส่งมอบงาน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และทำให้การสร้างบ้านของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นมากที่สุด
คุณภาพงานก่อสร้าง
ในหลาย ๆ บริษัทสร้างบ้านและโครงการบ้านจัดสรร หากได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของบ้าน มักมีโปรเจกต์บ้านจำนวน ทำให้คุณสามารถตรวจสอบผลงานที่ผ่านมา หรือเข้าเยี่ยมชมโครงการที่บริษัทเคยก่อสร้าง เพื่อประเมินคุณภาพวัสดุ การออกแบบ และมาตรฐานในการทำงานของทีมช่าง
รวมไปถึงศึกษาเสียงตอบรับจากลูกค้าเก่า และความคิดเห็นจากลูกค้าที่เคยใช้บริการ ทั้งจากเว็บไซต์ของบริษัท หรือช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เพื่อดูว่าบริษัทมีความน่าเชื่อถือ และมีประสบการณ์จริงในด้านการสร้างบ้าน
ติดต่อได้สะดวก
แม้หลายคนอาจมองว่าเรื่องช่องทางการติดต่อไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่ในความเป็นจริง การเป็นผู้ให้บริการด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ดี และมีความเป็นมืออาชีพ ควรมีช่องทางการติดต่อที่ครอบคลุม เข้าถึงง่าย และตอบกลับอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ เว็บไซต์ อีเมล หรือโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจ และสามารถสอบถามข้อมูลหรือแจ้งปัญหาได้ตลอดเวลา
สุดท้ายนี้ หากใครกำลังวางแผนจะสร้างบ้าน อย่าลืมนึกถึง Royal House บริษัทรับสร้างบ้านครบวงจรที่มีประสบการณ์ยาวนาน พร้อมแบบบ้านมาตรฐานให้เลือกหลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ ทั้งในด้านฟังก์ชันการใช้งานและดีไซน์
ไม่ว่าจะเป็น สไตล์โมเดิร์น คลาสสิก คอนเทมโพรารี โคโลเนียล ทรอปิคอล หรือทัสคานี เราพร้อมดำเนินการก่อสร้างอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ภายใต้ทีมงานมืออาชีพ หากสนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line: @royalhouse
